101 Essays That Will Change The Way You Think

101 Essays That Will Change The Way You Think

  • เปลี่ยนความคิดว่าเราเป็นผู้กำหนดสิ่งที่เกิดขึ้นต่อความคิดและความรู้สึกของเรา หาเวลาเลี่ยงเอาอารมณ์ไปผูกกับสิ่งภายนอกในชีวิตประจำวัน รับรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นมาและปล่อยมันไป
  • สร้างกิจวัตรประจำวันโดยการทำอะไรก็ได้ให้เกิดการสร้างนิสัยใหม่ทีละเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจเราสงบ และทำแบบนั้นทุกวันเพื่อป้องกันการผลัดวันประกันพรุ่ง
  • เพิ่มขีดจำกัดความสุขของเรา เวลาดีใจอยากฉลองไม่ต้องไม่ต้องกั๊กไว้เหตุเป็นเพราะมันอาจทำให้เพื่อนที่ไม่ได้รับความสำเร็จรู้สึกไม่สบายใจ เราควรจะเก็บรักษาความรู้สึกดี ๆ นั้นไว้ให้นานขึ้นมากกว่า และเราสามารถมีความสุขอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม
  • ปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ไหลไปโดยไม่ต้องไปกั๊กมันไว้ จดจำช่วงเวลาที่เราเพลิดเพลินไว้
  • ทำให้ทักษะของเรากลายเป็นสิ่งที่ทำด้วยความเคยชินเรียนรู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับทักษะที่เราสนใจ ต่อมาพยายามจำความเป็นมาตามลำดับของเหตุการณ์ในการใช้ทักษะนั้น สุดท้ายก็นำเราเข้าสู่โหมดอัตโนมัติด้วยการทำซ้ำ
  • สร้างความเชื่อมั่นในตัวเองด้วยการทำงานและประเมินทักษะของเรา ยกตัวเราเองให้สูงโดยโดยค่านิยมภายในที่ไม่ได้ถูกกำหนดจากภายนอก
  • ควบคุมความชอบ (passion) และจุดมุ่งหมายให้สมดุลกัน อย่าเลือก passion มากกว่าความหมายในชีวิต แต่ให้เข้าใจว่า passion เป็นเพียงของชั่วคราวและจะหายไป แต่จุดมุ่งหมายจะช่วยให้เรามีสมาธิและหลีกเลี่ยงการไขว่คว้าหาความสุขแบบเร่งด่วน (instant gratification)
  • เรียนรู้การพักผ่อน หาเวลาให้เป็นช่วงที่ไม่ต้องทำหรือคิดอะไร
  • หลีกเลี่ยงการตัดสินคนโดยเฉพาะเด็ก ๆ มันอาจนำไปสู่ความเครียดได้
  • ฝึกให้เกิดประโยชน์จากการคิดเชิงลบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในชีวิต เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่โลกให้กับเราได้
  • อยู่ร่วมกับคนอื่น ๆ ด้วยความเมตตาต่อกัน

The Subtle Art of Not Giving a Fuck

The Subtle Art of Not Giving a Fuck

หนังสือได้เล่าถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยการให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ และเลือกที่จะ “ช่างแม่ง”

  • คนเราอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตจะต้องดิ้นรนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นถ้าเราจะดิ้นรนทั้งทีก็จำเป็นต้องหาสิ่งที่เราดิ้นรนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา แต่อย่าปฏิเสธสิ่งที่ต้องดิ้นรนทุกอย่างที่ไม่นำความสุขมาให้เรา เราไม่สามารถมีชีวิตที่ไม่มีความเจ็บปวดได้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าความเจ็บปวดใดที่เราต้องการทนอยู่กับมันต่อไป
  • ความทุกข์ทรมานอาจนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นจะนำไปสู่แต่ความผิดหวัง
  • เราควรค้นหาเราค่าในการดำเนินชีวิตโดยเน้นไปที่ความเป็นจริง มีประโยชน์ต่อสังคม และสามารถลงมือทำได้
  • กฎของการหลีกเลี่ยงของแมนสัน (Manson’s Law of Avoidance) กล่าวไว้ว่า “เราจะหลีกเลี่ยงสิ่งใด ๆ ที่คุกคามตัวตนของเรา” เช่น เราโดนแฟนทิ้ง เราก็จะโทษแฟน แทนที่จะเป็นเรื่องงานบ้าน ไม่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงที่ดีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเรารับผิดชอบในชีวิตของเราอย่างเต็มที่ ยอมรับความผิดพลาดและความไม่มั่นคงของเรา
  • พุทธศาสนาสอนว่าตัวตนเป็นเพียงความหลอกลวง หากเรามองว่าตัวตนของเราคือคนที่ประสบความสำเร็จ ยิ่งสูงยิ่งหนาว หากเราพลาดขึ้นมา เราอาจสูญเสียทุกอย่าง (งาน ความเคารพ รวมถึงตัวตนด้วย) แต่ถ้าเราปลดปล่อยตัวเราจากตัวตน เราจะสามารถทำสิ่งใดก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุข
  • อย่าไปให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและอำนาจ แต่จงให้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน มอบความสุขให้กับทุก ๆ ที่และทุก ๆ คน

The Goal

The Goal

หนังสือได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Alex Rogo - ผู้จัดการโรงงานที่เข้ามากอบกู้เพื่อช่วยบริษัทให้รอดพ้นจากการปิดตัวลง

  • Alex สังเกตเห็นเครื่องจักรไม่สามารถทำงานได้ทัน scale ที่มี แต่ไม่สามารถแก้ได้จนกระทั่งเขาระบุคอขวด (bottleneck) ของระบบได้ หลังจากที่ปรับแก้แล้วก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อเวลาผ่านไป คอขวดก็จะเปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นเราต้องติดตาม (monitor) ระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขคอขวดได้ทันท่วงที
  • Alex คำนวณกำไรสูงสุดคือการจัดสมดุลระหว่าง ความสามารถในการผลิต (throughput) อุปกรณ์และทุนที่มีอยู่ (inventory) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (operational expense) ต้อง monitor เพื่อปรับปรุงระบบและลดการสูญเสีย (waste) อย่างต่อเนื่อง
  • Alex ใช้การพัฒนาบนสมมติฐาน (hypothesis-driven development) เพื่อคาดเดาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดปัญหา จากนั้นรวบรวมข้อมูล ทดลองและทดสอบ
  • Alex นำพนักงานเข้ามาอยู่ในกระบวนการปรับปรุงโดยการนำความรู้ของพนักงานมาใช้ ให้ความรับผิดชอบและเชื่อมั่นในตัวพนักงานรวมถึงสมดุลในชีวิตของพนักงาน (work-life balance)

Designing Your Life

Designing Your Life

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากการออกแบบชีวิตที่ตัวเองต้องการต่างหาก

  • เราต้องหาสมดุลในสี่ด้านที่สำคัญในชีวิต: สุขภาพทางกายและจิตใจ, งาน (ที่ได้รับค่าจ้างและงานอาสา), ความสนุกสนาน และความรัก (ตั้งแต่คู่ครอง ลูก เพื่อน สัตว์เลี้ยง)
  • เราควรค้นหาสมดุลระหว่างมุมมองในการทำงาน (วิธีคิดเกี่ยวกับงานและความหมายของงานต่อเรา) และมุมมองในการดำเนินชีวิต (วิธีคิดเกี่ยวกับชีวิตและความหมายของชีวิตต่อเรา)
  • เมื่อเราสนใจเรื่องใหม่ ๆ ลองถามตัวเองด้วยความคิดของคนใหม่ที่ไม่เคยรู้เรื่องนั้น ๆ มาก่อน “ชีวิตของ … มีลักษณะอย่างไร?” “มันมีความเกี่ยวข้องกับ … มากน้อยแค่ไหนจริง ๆ?”
  • หากเราติดกับการออกแบบชีวิตตามการหาสมดุลข้างบน ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ให้ลองสร้างแผนผังความคิด (mind mapping) ของสิ่งที่เราชอบทำขึ้นมา
  • เวลาออกแบบชีวิตให้เผื่อทางเลือกที่หลากหลายและสามารถทำคู่ขนานกันไปด้วย

Talking to Strangers

Talking to Strangers

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงปัญหาด้านมุมมองต่อคนที่ไม่รู้จักหรือคนแปลกหน้า

  • พวกเราสามารถตัดสินคนที่ไม่รู้จักเลยด้วยเพียงข้อมูลที่มีน้อยมากเพราะพวกเรามั่นใจว่าตัวเองนั้นอ่านใจคนเก่ง
  • ในหนังสือกล่าวว่าโดยเฉลี่ยคนเราสามารถจับโกหกได้ถูกต้องเพียง 54 เปอร์เซ็นต์เอง นั่นหมายความว่าเรามีโอกาสครึ่งนึงที่ไม่สามารถจับโกหกได้ สิ่งที่เราเห็นบนใบหน้าของคนไม่ได้บ่งบอกเรื่องราวทั้งหมด ประเด็นคือแล้วการจับโกหกมันสำคัญหรือไม่? การพูดความจริงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนในสังคมมากแค่ไหน?
  • วิธีที่ดีที่สุดในการคุยกับคนแปลกหน้าคือหยุดมโนซะ
  • คนเราไม่ลงทุนเพียงพอในการฟังและเข้าใจกันอย่างแท้จริงด้วยความอดทนอย่างเพียงพอ

The Power of Regret

The Power of Regret

หนังสือเล่มนี้พูดถึงความเสียดาย (regret) ทำงานอย่างไร และจะเปลี่ยนมันให้เป็นพลังบวกที่ขับเคลื่อนชีวิตเราได้อย่างไร

  • ความเสียดายสามารถเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นด้วยการเรียนรู้และอยู่กับมัน เพื่อเปลี่ยนเป็นตัวกระตุ้นให้มีชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงชีวิตของเราด้วย
  • ทางเลือกที่น่าเสียดายที่สุดการพยายามให้ไม่มีความเสียดาย เพราะนั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้เรียนรู้และเราจะไม่เติบโต
  • หยุดลงโทษตัวเองด้วยคำว่า “รู้งี้” ได้แล้ว ใช้ความเสียดายเป็นตัวเร่งแรงให้เราเดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่าด้วย 3 ขั้นตอนคือ แก้ไข (ด้วยการขอโทษอย่างจริงใจ) - อย่างน้อย (ทำสิ่งใดสิ่งนึงด้วยความจริงใจและจุดมุ่งหมายใหม่) - วิเคราะห์ (เรียนรู้บทเรียนจากความเสียดายของเรา และก้าวไปข้างหน้า เราจะ …)

ยังเหลืออีกทั้งหลายเล่มเลย เอาไว้ต่อ part 2 ละกันนะ ฮ่า ๆๆ