สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอ่าน(ฟัง)หนังสือเดือนพฤศจิกายน 2024
The Art of Thinking Clearly
หนังสือเล่มนี้เล่าถึงการตัดสินใจของคนเรามักถูกขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกมากกว่าการประเมินเหตุผลอย่างละเอีย เพราะคนเรานั้นเต็มไปด้วยอคติและอารมณ์ ลองหยุดพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้และตั้งคำถามกับตัวเองเพื่อการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจที่รอบคอบขึ้น
- คนเรามักประเมินตัวเองสูงเกินจริง คนมักมองว่าความสำเร็จเกิดจากความสามารถของเรา แต่ความล้มเหลวเป็นเพราะปัจจัยภายนอก เช่น ถ้าสอบได้คะแนนดีเราจะคิดว่าเราเก่ง แต่ถ้าคะแนนห่วยเราจะโทษข้อสอบหรืออะไรอย่างอื่น ลองขอคำแนะนำจากเพื่อนสนิทที่เราสามารถพูดคุยได้ตรงไปตรงมาเกี่ยวกับจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองเพื่อประเมินตัวเองใหม่
- คนเราคิดว่าเราควบคุมอะไรได้มากกว่าที่เป็นจริง คนชอบรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม เพราะมันช่วยให้รับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น เช่น ปุ่ม “ปิดประตู” ในลิฟต์หลายที่ไม่ได้เชื่อมต่อจริง แต่มีไว้เพื่อให้ user รู้สึกว่าพวกเขาควบคุมสถานการณ์ได้เท่านั้น ดังนั้นเราต้องยอมรับว่าเราควบคุมเหตุการณ์ในชีวิตได้เพียงบางส่วน และไป focus ที่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้จริง ๆ ดีกว่า
- คนเราชอบทำตามคนอื่นเพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าการกระทำของเราถูกต้องเมื่อมันสอดคล้องกับคนอื่น เช่น ถ้าคนในกลุ่มเริ่มปรบมือ เราก็มีแนวโน้มจะปรบมือตาม แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไม ซึ่งอาจจะเป็นผลเสียหากเราทำตามแนวคิดที่ผิด ดังนั้นจงกล้าคิดต่างและตั้งคำถามเมื่อเห็นว่าคนอื่นกำลังมุ่งหน้าไปในทางที่เราคิดว่ามันผิด
- คนเรามักมองหาข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อเดิมของตัวเอง เช่น อ่านข่าวแต่จากแหล่งที่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเรา เพื่อลดอคติ (confirmation bias) ลง ให้หาข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตัวเองเพื่อตรวจสอบความถูกต้องอีกที
- คนเราตัดสินค่าโดยการเปรียบเทียบ คนเรามักเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ เช่น การยืนข้างเพื่อนที่ดูดีมากทำให้เราดูด้อยลง หรือแม้กระทั่งสินค้าลดราคาจาก 100 บาท เหลือ 70 บาท ดูคุ้มค่ากว่าการตั้งราคา 70 บาทตรง ๆ เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการประเมินค่าจากประโยชน์และต้นทุนที่แท้จริง
- คนเราให้ความสำคัญกับเรื่องราวที่น่าสนใจมากกว่าเนื้อหาที่สำคัญ ดังที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ ที่มักเน้นเรื่องราวที่ตื่นตาตื่นใจ เช่น ในข่าวอุบัติเหตุสะพานถล่ม สื่อจะเน้นรายละเอียดเกี่ยวกับเหยื่ออุบัติเหตุ มากกว่าสาเหตุที่แท้จริงอย่างการก่อสร้างสะพานที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น เมื่อเราพยายามวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ ควรเริ่มต้นจากคำอธิบายหรือสาเหตุที่พบได้บ่อยและมีความน่าจะเป็นสูงที่สุดก่อน แทนที่จะสมมติหรือพุ่งเป้าไปยังคำตอบที่หายากหรือซับซ้อนเกินไปซึ่งทำให้เกิดความกังวลที่อาจไม่เกิดขึ้นจริง
- สมาธิของคนเราจำกัดและเลือกสิ่งที่สนใจเฉพาะอย่างเท่านั้น ทำให้เราจำข้อมูลที่มาเป็นอันดับแรกหรือสุดท้ายได้ดีกว่าสิ่งที่อยู่ตรงกลาง แนะนำว่าอย่าหลงเชื่อข้อมูลเพียงเพราะว่าเป็นสิ่งแรกที่ได้รับ
- การมีตัวเลือกมากเกินไปทำให้การตัดสินใจยากขึ้น เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการตัดสินใจส่งผลให้สมองของเราทำงานน้อยลงหลังจากผ่านการตัดสินใจที่มากเกินไป ดังนั้นให้เราเลือกสิ่งที่ดีพอหรือสิ่งแรกที่ตรงกับเกณฑ์ของเราแทนที่จะหาสิ่งที่สมบูรณ์แบบทั้งหมดทั้งมวล
- คนเราชอบคนที่ดูดีและคนที่คล้ายกับเรา ทำให้คนเราตัดสินคนจากลักษณะภายนอกหรือ เช่น คนหน้าตาดีมักถูกมองว่าเก่งหรือซื่อสัตย์ หรือเลือกชอบคนที่เหมือนเราหรือพูดจาดีกับเรา เราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยอย่าให้ความรู้สึกส่วนตัวมากำหนดการตัดสินมากเกินไป
How Will You Measure Your Life?
หนังสือเล่มนี้พูดถึงวิธีการใช้ชีวิตให้มีความหมายมากขึ้นในบริบทที่ไม่ใช่แค่โลกธุรกิจและการทำงาน แต่รวมถึงการใช้ชีวิตให้สมดุล ทั้งในด้านครอบครัว ความสัมพันธ์ และการรักษาความเป็นตัวเอง
- หลายคนมักคิดว่าเงินเดือนเยอะ (Hygiene factors) จะทำให้เรามีความสุขในงานซึ่งไม่ผิดเพราะเป็นส่วนนึง แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่ทำให้งานมีความหมาย (Motivation factors) เช่น ความรับผิดชอบ การเติบโตทางความรู้และทักษะ และการได้รับการยอมรับ ก็ทำให้มีความสุขในงานได้เหมือนกัน ดังนั้นเราต้องรวม 2 ปัจจัยนี้ให้สมดุล
- ชีวิตการทำงานควรประกอบไปด้วยแผนที่เราวางไว้อย่างรอบคอบ (Deliberate) และการปรับตัวตามโอกาสที่เข้ามา (Emergent)
- ชีวิตของเราก็เหมือนธุรกิจ ที่ต้องบริหารทรัพยากร อย่าเททุกอย่างไปกับงานจนลืมคนสำคัญรอบตัว อย่างครอบครัวหรือสุขภาพ บางครั้งรางวัลอย่าง bonus อาจดูน่าดึงดูด แต่รางวัลอย่างความสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาว จะคุ้มค่ากว่า เพราะความสัมพันธ์ต้องการเวลาและความเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าครอบครัวจะไม่เรียกร้องความสนใจเหมือนงาน แต่ความใกล้ชิดและการลงทุนในความสัมพันธ์ตั้งแต่วันนี้จะสร้างความแข็งแรงในอนาคต และอย่าลืมว่าถ้าเราไม่ใส่ใจตอนนี้ พวกเขาอาจไม่อยู่เคียงข้างเมื่อถึงวันที่เราต้องการพวกเขา
- การเข้าใจความต้องการของคนในชีวิต เช่น คู่สมรสหรือเพื่อน เป็นสิ่งสำคัญ ต้องถามตัวเองเสมอว่า “หน้าที่ของเราในความสัมพันธ์นี้คืออะไร?” การตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของคนที่เรารักจะช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น
- การเลี้ยงลูกที่ดีไม่ใช่แค่สอน แต่ต้องเปิดโอกาสให้พวกเขาแก้ปัญหาเอง และพัฒนาคุณค่าในตัวเองผ่านการเผชิญปัญหา ไม่ใช่การปกป้องเกินไป นอกจากนี้การสร้างวัฒนธรรมครอบครัวที่ดี เช่น การเน้นคุณค่าเรื่องความเมตตา จะช่วยให้ลูกมีแนวทางใช้ชีวิตที่มั่นคง
- การรักษาความซื่อสัตย์ต้องเริ่มที่ตัวเองและต้องทำทุกวัน ซึ่งไม่ได้วัดแค่เรื่องใหญ่ แต่แสดงออกในทุกการตัดสินใจเล็ก ๆ ถ้าเราเริ่มคิดแบบ “ครั้งเดียวไม่เป็นไร” อาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่
Cognitive Behavioral Therapy
เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ก็ตามชื่อว่าเกี่ยวกับ Cognitive Behavioral Therapy (CBT) คือศาสตร์ในการบำบัดจิตใจที่ช่วยจัดการกับความคิดและพฤติกรรมที่เป็นลบ โดยเน้นการตระหนักรู้และเผชิญหน้ากับความคิดที่ทำให้เรารู้สึกเครียด ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล ซึ่งจะต่างจาก Mindfulness-Based Cognitive Therapy (MBCT) เป็นการฝึกสติที่เน้นการรับรู้และอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่การต่อสู้กับความคิดเหล่านั้น
- การตีความเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากเหตุการณ์ภายนอก ความเชื่อของเรา หรือผลลัพธ์ มันมีผลกระทบโดยตรงต่อความคิดและอารมณ์ ซึ่งนำไปสู่พฤติกรรมที่ทำให้ชีวิตดีหรือแย่ลงได้ แนวทางการบำบัดลักษณะนี้คือ Self-schema การปรับความเชื่อที่เรามีเกี่ยวกับตัวเองและปรับความคิดให้มีเหตุผลมากขึ้น
- ความวิตกกังวล มักเกิดขึ้นจากความกลัว สามารถบำบัดได้ด้วยการใช้ Cognitive Restructuring (การปรับความคิด) และ Exposure Therapy (การเผชิญหน้ากับสิ่งที่กลัวทีละน้อย)
- ความผิดและความรู้สึกผิด เราทุกคนทำผิดพลาด แต่ไม่จำเป็นต้องพาตัวเองไปอยู่ในวงจรแห่งความผิดตลอดไป แนวทางการบำบัดคือการช่วยทำให้เข้าใจว่า “ความผิด” มีจุดประสงค์คือเป็นบทเรียน แต่ไม่ควรทำให้เราไม่สามารถเดินหน้าต่อได้
- อาการติดยาเสพติด แนวทางบำบัดประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ การประเมิน การเปลี่ยนพฤติกรรม การเปลี่ยนความคิด และการป้องกันการกลับไปเสพติดอีก
The 48 Laws of Power
หนังสือคู่มือเอาตัวรอดใน “เกมแห่งอำนาจ” ซึ่งผู้เขียนมองว่าเกมนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์มาตลอดประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะในความสัมพันธ์ส่วนตัว การทำงาน หรือการเมือง หากเราไม่สนใจเรียนรู้กฎของเกมเราอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ที่รู้วิธีเล่นและใช้มันให้เป็นประโยชน์ แม้เราจะมองว่าเกมแห่งอำนาจเป็นสิ่งเลวร้ายหรือผิดศีลธรรม แต่คนที่เข้าใจกฎและเล่นเกมนี้เก่งกว่าจะควบคุมคนที่ปฏิเสธมันได้เสมอ ดังนั้นการเข้าใจกฎของอำนาจช่วยได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ครอบครัว หรือการเข้าสังคม ตัวอย่างกฎที่โดดเด่นจากหนังสือได้แก่
- Never Outshine the Master: การพยายามโชว์ความสามารถให้เหนือกว่าหรือเด่นเกินเจ้านาย จะทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามและอาจกำจัดเรา ทำให้คนที่มีอำนาจเหนือเราดูดีขึ้นเสมอ ช่วยเสริมความโดดเด่นของเขา แทนที่จะพยายามชิงดีชิงเด่น
- Use the Work of Others and Take Credit: หากเราไม่ปกป้องผลงานหรือไอเดียของตัวเอง คนอื่นจะชิงความดีความชอบไป เพราะพวกเขาสามารถใช้ผลงานหรือความคิดของเราเพื่อก้าวหน้าได้ ถ้าพวกเขาทำเราก็ต้องมั่นใจว่าเราก็ต้องได้เครดิตในสิ่งนั้นด้วย
- Act Unpredictably: การกระทำที่ไม่สามารถคาดเดาได้จะทำให้คู่แข่งเสียสมาธิและเสียความมั่นใจ
- Surrender to Win Later: หากรู้ว่าไม่สามารถชนะได้ในตอนนี้ การยอมแพ้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ในอนาคตเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- Invest in Relationships: ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้มาจากอำนาจในที่ทำงานเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ให้เวลากับคนที่สำคัญในชีวิต อย่าทุ่มเททุกอย่างไปกับงานหรือสิ่งที่ให้ผลตอบแทนระยะสั้น
- Seduction Works Better Than Force: การบังคับโดยใช้กำลังทำให้เกิดแรงต้าน แต่การใช้เสน่ห์และความเข้าใจในอารมณ์ของคนอื่นสามารถชักจูงให้พวกเขาทำตามได้
- Avoid Friends, Work with Enemies: อย่าประมาทเพื่อนและเปิดโอกาสทำงานร่วมกันกับคู่แข่ง เพื่อนมักอิจฉาเราและอาจหักหลังเราได้ง่ายกว่า ในขณะที่คู่แข่งในตอนนี้อาจกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า
- Hold Back to Stay Desirable: อย่าทำตัว “เข้าถึงง่าย” เกินไปเพราะมันอาจทำให้คนมองเราไม่มีค่า การ “หายตัว” ไปบ้างทำให้คนตระหนักถึงคุณค่าและเรียกร้องให้เรากลับมา
- Convince with Action, Not Words: การโต้เถียงกับคนที่ดื้อรั้นมักไม่ให้ผลลัพธ์ที่ดี การกระทำที่ชาญฉลาดจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
เราอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใช้กลยุทธ์ที่ดูเหมือนไร้ศีลธรรมทุกข้อ แต่เป็นการเรียนรู้ว่าโลกมันเป็นอย่างไร และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการควบคุมสถานการณ์ สร้างอิทธิพล และก้าวไปข้างหน้าในทุกด้านของชีวิตเพื่อสร้างความสำเร็จในแบบของเราเอง