CPR training

อาทิตย์ก่อนมีโอกาสได้ไปอบรม First Aid & CPR ที่บริษัทจัดให้ แบบว่าตอนแรกก็คิดว่า “เออ ก็ดีนะ ได้ความรู้ติดตัวไว้” แต่พอไปจริงคือ สนุกและได้อะไรเยอะกว่าที่คิด เลยอยากมาแชร์ให้แบบกันเอง ๆ เพื่อเป็นความรู้ไว้ช่วยเหลือคนที่ต้องการมัน

เริ่มจากรู้ได้ไงว่าเมื่อไรเราถึงควรเริ่มทำ CPR

ต้องสังเกตก่อนว่า

  • คนไข้ หมดสติ หรือยัง ให้เราตบไหล่ทั้งสองข้าง พร้อมเรียกเสียงดัง ๆ เช่น “พี่ครับ ๆ ได้ยินไหม”
  • ถ้าไม่ตอบสนอง ต้อง check ว่าเขา ไม่มีสัญญาณชีพ หรือเปล่า เช่น

    • ดูว่าหายใจไหม (ใช้วิธีสังเกตหน้าอกกับหน้าท้องกระเพื่อม 10 วินาที)
    • จับชีพจร (แต่ไม่ค่อยแม่นสำหรับมือใหม่)
    • ดูว่าตัวเขาเย็นผิดปกติไหม

ถ้า หมดสติ + ไม่มีสัญญาณชีพ ก็ ต้องปั๊มหัวใจทันที!

วิธีทำ CPR แบบถูกต้อง

ตรงนี้คือ highlight เลย เราได้ลองปั๊มหัวใจกับหุ่นจำลองแบบมี sensor บอกเลยว่าเรากดแรงพอไหม กดลึกไหม จังหวะโอเคไหม บอกเลยว่าปั๊ม 5 นาทีมือเกือบ lock ฮ่า ๆๆ

สิ่งที่ต้องจำเวลาทำ CPR

  • กดลึกประมาณ 5-6 ซม. (เท่าความสูงแนวตั้งของบัตร ปชช)
  • ความเร็วอยู่ที่ 100-120 ครั้ง/นาที
  • ห้ามหยุดบ่อย ปั๊มต่อเนื่องไปจนกว่า
    • รถพยาบาลจะมา
    • ผู้ป่วยฟื้น หรือเริ่มหายใจเอง
    • หรือเกิดความเสี่ยงกับตัวเรา
  • ในส่วนของการเป่าปากช่วยหายใจ ถ้าไม่สะดวก ไม่จำเป็นต้องทำ (แต่ถ้าจะทำ ใช้อัตรา 30:2)
    • กรณี จมน้ำ ต้องเป่าปากก่อน แล้วค่อยปั๊ม
    • เด็กเล็ก < 8 ขวบ ใช้แค่ 2 นิ้ว หรือมือเดียว เท่านั้น

ถ้ายังมีสติ ยังไม่ต้อง CPR แต่ต้องช่วยยังไง

ถ้าเขายังหายใจอยู่ ยังมีสติอยู่ แต่ดูอาการไม่ค่อยดี เราก็ยังต้องช่วย

  • ให้ นอนตะแคง กันลิ้นอุดหลอดลมหายใจ
  • ถ้าเลือดออกเยอะ กดแผลแน่น ๆ ยาว ๆ จนเลือดหยุด แล้วค่อยพันผ้า
  • คนหายใจไม่สะดวก → ช่วยประคอง
  • ในกรณีหัวใจวาย ต้องพาไป รพ. ให้เร็วที่สุด สังเกตจากอาการ
    • แน่นหน้าอก เหมือนมีอะไรทับ
    • เจ็บร้าวขึ้นคอ ลงแขน
    • หน้ามืด วูบ จะล้ม
  • ในกรณี Stroke/อัมพาต ต้องพาไป รพ. ที่มี CT Scan ให้เร็วที่สุด สังเกตจากอาการ
    • เดินตัวเอียง มือไม่มีแรง พูดไม่รู้เรื่อง
    • ให้เขายิ้ม + ยกแขนสองข้างไปข้างหน้า + พูดประโยคไม่รู้เรื่อง

สารพัดเหตุฉุกเฉินที่เราเจอได้บ่อย ๆ

  • เลือดกำเดาไหล: ก้มหน้า บีบจมูกอ่อน 5 นาที ห้ามเงยหน้า
  • น้ำร้อนลวก: เปิดน้ำไหลผ่านนาน ๆ แล้วซับให้แห้ง ทาเจลว่านหาง
  • ไฟไหม้ตัว: หยุด-นอน-กลิ้ง (Stop-Drop-Roll) แล้วพันแผลด้วย wrap พลาสติก
  • เป็นลม: นอนราบ ยกขาสูง ให้เลือดไหลกลับสมอง
  • ชัก:
    • ห้ามง้างปาก ห้ามยัดของ
    • จับนอนตะแคง เคลียร์พื้นที่
    • ถ่ายคลิปไว้ให้หมอ
    • แยกแยะ “ชักแท้” (จากโรค) กับ “ชักเทียม” (จากอารมณ์หรือจิตใจ)
  • สารเคมีโดนตัว: เปิดน้ำล้างเยอะ ๆ ห้ามยกขึ้นสูง
  • กินสารพิษ:
    • ห้ามทำให้อาเจียน
    • ห้ามให้กินอะไร
    • รีบส่ง รพ. พร้อมนำสารพิษไปด้วย
  • ฟกช้ำ ปวด เคล็ด: ประคบเย็น พันผ้าจากปลายขึ้นโคน
  • Heatstroke: ตัวจะแดงแห้ง ให้ลดความร้อนให้ไวที่สุด
  • แพ้รุนแรง (เช่น กินกุ้ง): ใช้ปากกา epinephrine ปักที่ต้นขา

สรุป

การอบรมครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ปฐมพยาบาลกับ CPR ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และมีหลายอย่างที่เราเคยเรียนรู้มาแบบผิด ๆ การที่มาทำความเข้าใจใหม่อย่างถูกต้องสามารถนำไปสู่การช่วยชีวิตคนได้จริง ๆ วันนึงข้างหน้าเราอาจจะเจอสถานการณ์นั้นแบบไม่ทันตั้งตัวเลยก็ได้

ใครที่ยังไม่เคยอบรม แนะนำให้หาโอกาสไปเรียนดูครับ สนุก มีประโยชน์ และทำให้เรามั่นใจในตัวเองมากขึ้นเวลาต้องเจอเหตุการณ์ฉุกเฉิน