เมื่ออาทิตย์ก่อนมีโอกาสได้ไปเป็นอาสาสมัครให้กับโครงการ Food Rescue กับ SOS Thailand โดยสมัครไปกับตัวแทนของบริษัท ซึ่งเรามีความประทับใจและได้ข้อคิดด้วย เลยเอามาบันทึกไว้สักหน่อย

SOS Thailand food received

พูดถึงกิจกรรมสักหน่อย

กิจกรรมจัดโดยมูลนิธิ Scholars of Sustenance (SOS) โดยกิจกรรมคือเราไปรับอาหารส่วนเกิน เช่น อาหารใกล้หมดอายุ อาหารที่ถูกคัดออกตาม grade ตามโรงแรม ร้านอาหาร supermarket ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จากนั้นเราก็นำอาหารไปแจกจ่ายให้กับ

  • ชุมชนรายได้ต่ำ
  • สถานที่พักพิงคนไร้บ้าน
  • สถานที่พักพิงของรัฐ
  • องค์กรพันธมิตร
  • โรงพยาบาล

เปรียบเสมือนกับการที่เราไปกู้อาหารที่อาจจะกลายเป็นขยะ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง

SOS Thailand impacts

ในฐานะอาสา สิ่งที่เราทำคือนอกจากนั่งรถไปกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิเพื่อไปรับอาหารแล้ว ก็ต้องนำ package ของมูลนิธิไปแลกเพื่อใส่อาหารส่วนเกินในรอบถัดไปด้วย สถานที่ที่เราไปในวันนั้นได้แก่

  • Marriott สุรวงศ์
  • Tops นางลิ้นจี่
  • Westin สุขุมวิท
  • JW Marriott สุขุมวิท
  • Park Hyatt Bangkok
  • Tops Central ชิดลม
  • Grand Hyatt Erawan
  • Lotus Fortune Town
  • Tops Espanade รัชดา
  • Tops Central พระราม 9
  • Oishi Central พระราม 9
  • S&P RCA
  • โลตัส พัฒนาการ
  • Tops พัฒนาการ
  • Tops Central Eastville

เกร็ดความรู้ที่ได้

SOS Thailand redistributed

จากการเข้ากิจกรรม Food Rescue กับ SOS Thailand ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า

  • อาหารส่วนใหญ่เป็นขนมปังทั้งคาวและหวาน ส่วนน้อยก็จะเป็นข้าวผัด ผัก ผลไม้ต่าง ๆ
  • สถานที่ที่มีอาหารส่วนเกินน้อยคือโรงแรม ส่วนเกินมากคือ supermarket
  • ผลไม้บางชิ้นที่เน่าไปบางซีกหรือครึ่งลูกจะเอานำไปทำผลไม้แกะสลัก 👀
  • มีเครือข่ายในการติดต่อระหว่างมูลนิธิและร้าน
  • มีการวัดชั่งน้ำหนักของอาหารที่รับไป เพื่อให้ทางร้านคำนวนปริมาณให้เกิดอาหารส่วนเกินน้อยสุด และให้มูลนิธินำไปเก็บสถิติ
  • อาหารจะต้องถูกเก็บไว้ในตู้เย็น อาจจะแช่แข็งไว้เลยก็ได้เพื่อคงสภาพให้ได้นานที่สุด

สาระสำคัญที่ได้

  1. ความแตกต่างระหว่างเราที่สามารถเลือกจะกินอะไรก็ได้ กับกลุ่มคนที่ไม่มีทางเลือกและยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรุ่งนี้จะมีกินไหม บางคนเดินตามรถมาหยิบของกินดี ๆ ไปก่อนเลย หรือแม้กระทั่งทะเลาะวิวาทกันเพราะแย่งอาหารกันก็มี
  2. การที่เราไม่กินอาหารเหลือ มันเพิ่มโอกาสให้อาหารที่ยังไม่ได้เอามาปรุงมันเหลือให้คนที่ขาดแคลนได้กิน
  3. การเข้าไปเป็นอาสาสมัครหรือจิตอาสาใด ๆ ไม่ได้ทำให้ยกระดับจิตใจหรือ ego ของเรา แล้วก็กดนอื่นให้ต่ำลง แต่มันเป็นการสร้างความตระหนักว่าเราก็สามารถช่วยเหลืออะไรในสังคมได้มากกว่า

ปล. การเขียนนี้ไม่ได้รับ sponsor จากมูลนิธิ หรือ เขียนเพื่อส่งรายงานอะไรแต่อย่างใด แต่เป็นประสบการณ์ที่ดีที่อยากจะแบ่งปันครับ