บันทึกการไปเยี่ยมชมคลองเตยดีจัง
เมื่ออาทิตย์ก่อนมีโอกาสได้ไปเป็นอาสาสมัครเข้าไปรับฟังปัญหาของโครงการ “คลองเตยดีจัง” โดยสมัครไปกับตัวแทนของบริษัท เหมือนเช่นเคยเราได้เปิดโลกของการศึกษาไทยเพิ่ม เลยเอามาบันทึกไว้สักหน่อย
พูดถึงคลองเตยดีจัง
คลองเตยดีจังเป็นโครงการช่วยเหลือเด็ก ๆ ในชุมชนคลองเตยโดยจะมีอาสาสมัครมาช่วยสอนเพื่อให้ความรู้่แก่เด็ก ๆ ที่หลุดจากระบบการศึกษาให้ได้มีอาชีพทำมาหากิน เช่น เมื่อหลายปีก่อนก็จะเน้นไปที่เรื่องของการสอนดนตรี เด็ก ๆ ก็ไปเปิดวงดนตรีรับงานร้องเพลงตามงานต่าง ๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อต้องเจอกับ COVID-19 ทำให้ต้องเปลี่ยนพื้นที่โครงการเป็นศูนย์กระจายอุปกรณ์ป้องกันและรักษาโรคทั่วกรุงเทพไป การกลับมาของคลองเตยดีจังรอบนี้ก็ได้เปลี่ยนไปเน้นในเรื่องของการศึกษาเต็มตัว เช่น เปิดศูนย์การเรียนและออกแบบหลักสูตรที่เอาไปใช้ทำมาหากินได้ (Learn and Earn) เช่น บันทึกแผ่น CD ลงไปในระบบ online หรือ วิธีชงกาแฟ หรือ เรียนภาษาอังกฤษโดยเน้นการฟังและพูด
จากการฟังเรื่องราวคร่าว ๆ แล้วเราก็ย้อนกลับมาคิดแล้วว่า “ในฐานะที่ทำงานอยู่ในวงการ technology แล้วเราจะช่วยเด็ก ๆ เค้าในด้านไหนได้บ้าง”
สาระสำคัญที่ได้
- สถานะในการศึกษาของเด็ก ๆ ในคลองเตยแตกต่างกันไป บางคนมีเกณฑ์จะต้องออกมาเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน (เรียนฟรี 9 ปีนี่ฟรีอะไรบ้างนะ?) ความรุนแรงในโรงเรียน รวมไปถึงหลักสูตรการศึกษาที่ไม่ตอบโจทย์และไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้ (ข้อสุดท้ายคือจากปากของน้อง ๆ เลย) ซึ่งก็จะเป็นความท้าทายของโครงการที่จะต้องประคับประคองให้เด็ก ๆ อยู่ในระบบการศึกษาให้ได้
- เด็กที่หลุดออกมาแล้วมาเข้าโครงการนี้ก็จะได้รับการเรียนโดยหลักสูตรต่าง ๆ ปัญหาของหลักสูตรคือมันจะต้องสอดคล้องกับกระทรวงศึกษาในระดับนึงด้วย และค่านิยมของการศึกษาไทยที่จะต้องมีปริญญาถึงจะไปหางานทำได้ สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการนี้มีวิธีพูดคุยกับผู้ปกครองให้มั่นใจกับประกาศนียบัตรที่โครงการมอบให้หลังจบหลักสูตรได้ยังไง
- พื้นที่ในคลองเตยขณะนี้มีข้อพิพาทกับการท่าเรือในการขอเวนคืนที่ แล้วถ้างั้นพวกเขาจะต้องไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ ใครจะเป็นคนหาที่อยู่ใหม่ให้
กิจกรรมที่ไปทำวันนั้น
ก็ไม่มีอะไรมากครับ จับกลุ่มพูดคุยกับน้อง ๆ (รวมถึงล่ามด้วยเพราะมีคนต่างชาติไป) ทานข้าวร่วมกันละก็เล่นเกมร่วมกัน โดยเกมที่เราเตรียมไปกับเพื่อนคือ ม๋าใบ้คำ ก็ทายคำขำ ๆ เด็ก ๆ ก็สนุกกันนะ ก็ทึ่งกับความคิดเด็กบางคนนะ คิดว่าในบางมุมเขาเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวเราเองอีก ฮ่า ๆๆ
โดยรวมถึงแม้จะเป็นแค่การพูดคุยเพื่อเข้าใจปัญหาเพื่อนำเสนอวิธีการช่วยเหลือโครงการนี้ แต่ก็ได้ความรู้และมอบช่วงเวลาดี ๆ ให้แก่กัน ในขณะที่ชีวิตพวกเขาอาจจะไม่ราบรื่นเหมือนคนอื่น แต่เค้าก็มีความสุขกันได้ ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพวกเค้าจะเติบโตมาในระบบที่ปกติดีมันจะดีกว่านี้ได้ขนาดไหนนะ 🙂